ผู้หญิง ป้องกันเอชไอวี ได้อย่างไร?
ถึงแม้ว่า เชื้อไวรัสเอชไอวีจะเป็นไวรัสที่ไม่สามารถกำจัดให้ออกไปจากร่างกายได้ แต่เราก็สามารถ ป้องกันเอชไอวี ได้ด้วยหลายวิธี ทั้งนี้ ผู้หญิงจำเป็นจะต้อง ป้องกันเอชไอวี มากกว่าผู้ชาย เนื่องจากสภาพร่างกายที่มีความอ่อนแอน้อยกว่า ทั้งทางด้านสรีระ และสภาพจิตใจ รวมทั้งยังมีความเสี่ยงจากคู่นอนที่เราไม่รู้ได้ว่าเขาเหล่านั้นมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนคนอื่นมาหรือไม่ด้วยเช่นกัน
ทำไมผู้หญิงถึงต้อง ป้องกันเอชไอวี มากกว่าผู้ชาย?
- ผู้ชายบางคนมีทัศนคติว่าไม่ต้องการสวมถุงยางอนามัย เมื่อมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง จึงมีความเสี่ยงได้รับเชื้อจากผู้ชายที่ไม่ป้องกัน
- ผิวหนังในช่องคลอดและบริเวณอวัยวะเพศหญิงมีความเปราะบาง เสี่ยงต่อการเกิดบาดแผล หรือการติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่าย
- ความไม่เท่าเทียมทางเพศในสังคมไทย ทำให้ผู้หญิงมักเป็นเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศได้ง่ายกว่าผู้ชาย ในบางคู่อาจมีการบังคับให้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่เต็มใจ และไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน
- ความเขินอายในการเดินทางไปพบแพทย์ หรือไม่กล้าเข้ารับบริการด้านสุขภาพ ทำให้ได้รับการวินิจฉัยหรือการตรวจที่ล่าช้า และเพิ่มความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อให้กับคนอื่นได้
ป้องกันเอชไอวี ทำอย่างไรบ้าง?
ความจริงแล้วการ ป้องกันเอชไอวี เป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เคยมีพฤติกรรมเสี่ยง หรือผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้ก็ตาม ดังนั้น ข้อดีสำหรับการรักษาสุขภาพให้ดีของทุกคน คือ การเรียนรู้วิธีในการ ป้องกันเอชไอวี ดังนี้
การใช้ถุงยางอนามัย ป้องกันเอชไอวี ที่ถูกต้อง
การใช้ถุงยางอนามัย ในทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เป็นวิธีลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสเอชไอวีอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถุงยางอนามัยก็มีความจำเป็นที่ต้องใช้อย่างถูกต้องด้วย เพราะหากใช้งานผิด ก็ไม่มีประโยชน์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ ป้องกันเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เลย โดยขั้นตอนในการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกวิธี มีดังต่อไปนี้
- ตรวจสอบวันหมดอายุ ของถุงยางอนามัยทุกครั้ง ก่อนนำมาใช้งาน สังเกตจากซองบรรจุภัณฑ์หรือที่กล่องถุงยางอนามัย จะมีระบุวันที่ หรือเดือนและปี ซึ่งหากพบว่าหมดอายุไปแล้วควรทิ้งและไม่นำมาใช้งานเด็ดขาด
- ฉีกซองถุงยางอนามัยอย่างระมัดระวัง ไม่ควรใช้กรรไกร มีด หรือฟันของคุณแทะซอง เพราะอาจโดนใส่ทำให้ถุงยางอนามัยขาด ให้หามุมซองที่ผู้ผลิตได้ทำรอยฉีกตัวอย่างไว้ก่อน และค่อยๆ ฉีกออกเพื่อนำถุงยางอนามัยออกมา
- ตรวจสอบสภาพถุงยางอนามัยที่นำออกมาจากซองว่า มีรูรั่ว หรือฉีกขาดอยู่ก่อนแล้วหรือไม่ หากพบให้ทิ้งและเปิดซองถุงยางอนามัยอันใหม่แทน
- สวมถุงยางอนามัยในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวแล้วเท่านั้น ด้วยการสวมจากปลายองคชาตไล่ลงมาจนสุดโคน และเหลือทิ้งช่องวางบริเวณปลายกระเปาะถุงยางอนามัยไว้เล็กน้อย เพื่อให้มีพื้นที่สำคัญน้ำอสุจิ
- ใช้สารหล่อลื่นที่เหมาะกับถุงยางอนามัยที่สวมใส่ โดยเลือกเป็นชนิดน้ำหรือซิลิโคน เพื่อช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างทำกิจกรรมและลดโอกาสการแตกรั่วของถุงยางอนามัย
- หลังเสร็จกิจให้ถอดถุงยางอนามัยอย่างระมัดระวัง หรือใช้กระดาษทิชชู่จับถุงยางอนามัยแล้วห่อทิ้งลงในถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิด อย่าทิ้งถุงยางอนามัยลงในโถส้วมเพราะอาจทำให้เกิดการอุดตันได้
- ไม่ควรใช้ถุงยางอนามัยนานเกินกว่า 30 นาที เพราะประสิทธิภาพของถุงยางอนามัยจะลดลง และควรเปลี่ยนถุงยางอนามัยอันใหม่ทุกครั้งหากต้องการมีเพศสัมพันธ์อีกรอบ

ทานยาเพร็พ ป้องกันเอชไอวี
ยาเพร็พ (PrEP) เป็นยาที่ใช้รับประทานก่อนมีความเสี่ยง ที่ผู้ใช้งานจะต้องทานยานี้ต่อเนื่อง เป็นประจำทุกวัน วันละ 1 เม็ด เพื่อ ป้องกันเอชไอวี การจะทานยาเพร็พได้จะต้องพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสเอชไอวี และซักประวัติพฤติกรรมความเสี่ยง จึงจะสั่งจ่ายยาให้กับคุณได้ อีกทั้งการทานยาเพร็พจะต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เพราะยาตัวนี้ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่ออื่นๆ จากการมีเซ็กส์ได้ และหลังจากทานยาไปสักระยะหนึ่งแล้ว แพทย์จะมีการนัดตรวจเพื่อติดตามผลการรักษาว่ายังปลอดจากเชื้ออยู่จริงหรือไม่
หมั่นตรวจเลือดเป็นประจำ
การหมั่นไปตรวจเลือดบ่อยๆ นั้นช่วยให้คุณ ป้องกันเอชไอวี ได้ เพราะมีข้อดีตรงที่หากพบเชื้อไวรัสได้ไว ก็จะช่วยให้คุณเข้าสู่กระบวนการรักษาเอชไอวีได้ทันที ไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดอาการป่วยก่อนแล้วค่อยรักษา ซึ่งจะมีโอกาสเลือกใช้ยาที่เหมาะสมกับคุณได้ ไม่เกิดภาวะดื้อยาในอนาคต ร่างกายแข็งแรง ใช้ชีวิตได้ปกติทั้งเรียน หรือทำงาน แม้แต่การวางแผนครอบครัว วางแผนมีบุตรก็สามารถทำได้ เนื่องจากเมื่อคุณทำการรักษาเอชไอวี ก็จะป้องกันไม่ให้คนรักของคุณติดเชื้อไปด้วย อีกทั้งการไปพบแพทย์เป็นประจำจะทำให้คุณได้รับข่าวสารความรู้เกี่ยวกับไวรัสเอชไอวีและโรคติดต่อเพศสัมพันธ์ที่อัปเดตใหม่ๆ ให้รู้เท่าทันโรค และนำตัวเองออกห่างจากเชื้อได้อย่างถูกวิธี
ลดจำนวนคู่นอน เท่ากับ ป้องกันเอชไอวี
การจำกัดจำนวนคู่นอนของคุณ หรือมีคู่นอนประจำเพียงคนเดียว จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงรับเชื้อเนื่องจากไม่ได้มีกิจกรรมทางเพศกับคนหลายคนที่เราไม่รู้ว่า ก่อนหน้าที่จะมามีเพศสัมพันธ์กับเรานั้น เขามีความเสี่ยง หรือได้ป้องกันตัวเองมากน้อยแค่ไหน ในเมื่อเราเองป้องกันตัวเองจากเชื้ออย่างดีแล้ว ยังจะเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ เพื่อรับความเสี่ยงมาเพิ่มหรือ? เพราะฉะนั้น การรักเดียวใจเดียว ไม่สำส่อนทางเพศ จะช่วยให้คุณปลอดภัยและลดภาระปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้หากไม่ได้ระมัดระวัง
หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
หากคุณใช้สารเสพติดประเภทฉีดเข้าเส้น เช่น เฮโรอิน โคเคน เมธแอมเฟตามิน ฯลฯ จะเป็นการฉีดยาเสพติดด้วยเข็มฉีดยา เข้าไปโดยตรงในหลอดเลือด ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงสูงกับสุขภาพและการเสี่ยงติดเชื้อจากเลือดที่ปลายเข็มฉีดยาหากมีการใช้ร่วมกับผู้อื่น ซึ่งนอกเหนือจากการติดเชื้อเอชไอวี ยังสามารถติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี และโรคร้ายแรงอื่นๆ ที่อาจตามมา ดังนั้น หากเลิกได้ก็ควรไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อทำการเลิกยา หรือหากเลิกยังไม่ได้ ให้หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
การได้รับวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อเอชไอวีได้ด้วย เนื่องจากผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เริม หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส ฯลฯ จะมีเปอร์เซนต์รับเชื้อเอชไอวีเข้าทางบาดแผลเหล่านี้ได้ง่ายกว่าผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ วัคซีนเหล่านี้ยังป้องกันโรคร้ายที่อาจเกิดขึ้นหากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ช่วยให้คุณมีสุขภาพทางเพศที่ดี และไร้ความกังวลใจว่าจะติดโรคจากการมีเพศสัมพันธ์ได้
อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
อาการคันน้องสาว ปล่อยไว้ไม่ดูแล เสี่ยงเกิดโรค
แบบไหนที่เรียกว่า เสี่ยงติดเอชไอวี
ถึงแม้ว่า วิธีที่ดีที่สุดในการ ป้องกันเอชไอวี คือ การไม่มีเพศสัมพันธ์เลย แต่มันคงเป็นไปได้ยากมากๆ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ถือว่าเพศสัมพันธ์คือเรื่องปกติธรรมชาติ เราจึงควรให้ความสำคัญกับการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอัตราความเสี่ยงสูงมากกว่าผู้ชาย เพราะไม่ใช่เพียงแค่ตัวเราเองที่จะได้รับประโยชน์ในการ ป้องกันเอชไอวี แต่ยังเป็นการรับผิดชอบต่อครอบครัวและสังคมอีกด้วยนะครับ