✍ AIDS ระยะสุดท้ายจาก HIV

เพราะอยากให้ทุกคน ไม่ลืมที่จะป้องกันตัวเองทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ วันนี้เราจะมาแนะนำให้รู้จักกับระยะสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นหากคุณไม่ป้องกันและได้รับเชื้อ HIV เข้าสู่ร่างกาย นั่นก็คือระยะเอดส์นั่นเอง ระยะนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าติดเชื้อ HIV แล้วจะต้องเป็น AIDS เท่านั้นหรือ มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันครับ

AIDS กับ HIV เกี่ยวข้องกันอย่างไร

HIV (Human Immunodeficiency Virus) เป็นเชื้อไวรัสที่มีความสามารถในการทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกาย นั่นหมายความว่าเมื่อเชื้อนี้เข้าไปสู่ร่างกายแล้วจะเป็นเรื่องยากต่อภูมิคุ้มกันในร่างกายที่จะกำจัดเชื้อตัวนี้ออกไป ทำให้ร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น เสี่ยงต่อการติดโรคฉวยโอกาสต่างๆ และถ้าไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะติดเชื้อต้น ๆ ก็จะนำไปสู่ระยะสุดท้ายของการติดเชื้อคือ AIDS (Acquired Immunodeficiency Syndrome) นั่นเอง

การแสดงอาการของ AIDS

ในช่วงแรกของการติดเชื้อ HIV 2-4 สัปดาห์แรก อาจมีไข้หนาวสั่น น้ำหนักลด ปวดเมื่อยตามร่างกาย ที่เป็นการตอบสนองของร่างกายต่อเชื้อที่เข้ามา แต่อาการพวกนี้จะหายไปเองใน 2-3 สัปดาห์

แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษา HIV ในระยะแรก ๆ เชื้อก็จะทำลายร่างกายไปเรื่อยๆ โดยไม่แสดงอาการ อาจใช้เวลา 5 ถึง 10 ปี จนเข้าสู่ระยะเอดส์ ซึ่งสามารถแสดงอาการจากโรคฉวยโอกาสที่เกิดกับคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำได้หลายอย่าง เช่น ปอดอักเสบ มีผื่นตามผิวหนังในช่องปาก จมูกหรือเปลือกตา ต่อมน้ำเหลืองบวม เป็นต้น

ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเป็นการแสดงอาการของโรคอื่นก็ได้ เพราะฉะนั้นจะทราบได้ว่าเป็นอาการของระยะเอดส์จริง ๆ หรือไม่ ต้องทำการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อ HIV เท่านั้น

รักษาอย่างไรในระยะ AIDS

การแพทย์ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษา AIDS ให้หายขาดได้ ทำได้เพียงแค่ชะลอเวลาที่เชื้อ HIV จะทำร้ายภูมิคุ้มกันในร่างกาย จึงเป็นเรื่องยากในการรักษาสำหรับผู้อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV ในระยะสุดท้าย ดังนั้นการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อ HIV หลังมีความเสี่ยงโดยเร็วที่สุด และเข้ารับการรักษาตั้งแต่ระยะติดเชื้อเริ่มแรกจะกดเชื้อที่มีอยู่ให้ลดปริมาณลง ช่วยเพิ่มโอกาสให้ไม่ต้องไปสู่ระยะเอดส์ ลดการแพร่เชื้อให้คนอื่น และทำให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง

วิธีป้องกันไม่ให้ไปสู่ระยะ AIDS

คุณสามารถเริ่มต้นป้องกันได้ง่าย ๆ ด้วยการป้องกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ด้วยถุงยางอนามัยที่จะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และยา PrEP ที่กินก่อนเสี่ยงเพื่อให้ตัวยาสะสมในร่างกายพร้อมที่จะกำจัดเชื้อที่จะเข้ามา หรือถ้าเกิดอุบัติเหตุขณะมีเพศสัมพันธ์ เช่นถุงยางอนามัยแตก ให้รีบรับยา PEP ยากินหลังเสี่ยงที่จะเข้าไปต่อสู้กับเชื้อที่อาจหลุดรอดเข้าไปในร่างกาย และตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อ HIV ทุกครั้งเมื่อมีความเสี่ยง

หากคุณได้รับเชื้อ HIV เข้าไปก็จะสามารถรักษาได้ทันท่วงทีด้วยการกินยาต้านไวรัสเพื่อกดเชื้อไม่ให้ส่งต่อไปยังคนอื่น และลุกลามจนเข้าสู่ระยะ AIDS ได้

ทั้งหมดนี้คุณสามารถใช้บริการของ https://love2test.org/th/clinic เพื่อจองตรวจ HIV ตรวจโรคทางเพศสัมพันธ์ รับ PrEP PEP ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เป็นความลับและสามารถจองตรวจได้ตลอด 24 ชั่วโมงครับ!

▾ ▾ ▾ ▾ ▾ ▾ ▾ ▾ ▾ ▾ ▾ ▾
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่
เว็บไซต์ Speak OUT Thailand
www.speakoutthailand.com/hiv-treatment

จองคิวตรวจ HIV รับยา PrEP ยา PEP ฯลฯ
สะดวก ง่าย และเป็นความลับ คลิก!
https://love2test.org/th/clinic


#HIV#เอชไอวี#ตรวจเอชไอวี#เอดส์#AIDS#เอชไอวีไม่เท่ากับเอดส์